การเลือกสายยางที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน—ข้อแนะนำสำคัญในการเลือกสายยางที่ดีที่สุด เพื่อป้องกันปัญหาและเพิ่มประสิทธิภาพ—

ทำไมต้องเลือกสายยางเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

แม้ว่าการเลือกสายยางที่เหมาะสมเป็นขั้นตอนพื้นฐานในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต แต่คุณเคยเลือกสายยางโดยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนหรือไม่ คุณเคยคำนึงถึงวิธีเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตหรือไม่

ตอนนี้เราควรพิจารณาถึงเรื่องนี้ด้วยกัน

1. ตรวจสอบว่าสายยางจะใช้ลำเลียงของเหลวชนิดใด

เช่น การเลือกใช้สายยางประเภทโพลีโอเลฟินที่ไม่มีส่วนผสมของ PVC และสายยางฟลูออโรเรซินซึ่งมีคุณสมบัติทนต่อสารเคมีสูงสำหรับงานลำเลียงสารเคมี จะช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพและลดความจำเป็นในการเปลี่ยนสายยางบ่อยๆ ผลที่ตามมาคือสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา พร้อมทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต

นอกจากนี้คุณต้องเลือกสายยางที่ถูกต้องตามกฎหมายสุขอนามัยด้านอาหารสำหรับใช้ในโรงงานอาหาร การเลือกวัสดุสายยางที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยป้องกันมิให้เกิดการรั่วไหลของของเหลวและการปนเปื้อนจากสิ่งแปลกปลอมเท่านั้น แต่ยังช่วยรับประกันความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพในการผลิตได้อีกด้วย

2. ตรวจสอบอุณหภูมิการทำงาน

อุณหภูมิการทำงานของสายยางมีผลกระทบอย่างมากต่ออายุการใช้งานและประสิทธิภาพ แม้ว่าท่อยางอเนกประสงค์ที่ผลิตจาก PVC อ่อนสามารถใช้งานได้ในช่วงอุณหภูมิตั้งแต่ -5°C ถึง 60°C แต่ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงกว่านี้ คุณจำเป็นต้องใช้ท่อยางที่ผลิตจากวัสดุทนต่อความร้อน เช่น ซิลิโคน หรือ ฟลูออโรเรซิน

3. ยืนยันอุณหภูมิการทำงาน

เนื่องจากระบบเดินท่อในเครื่องจักรโรงงานมีทั้งแบบแรงดันบวก (การจ่ายแรงดัน) และแรงดันลบ (สุญญากาศ) คุณจึงต้องเลือกใช้ท่อยางที่มีโครงสร้างที่เหมาะสมกับงาน เมื่อใช้กับแรงดันลบ ควรเลือกท่อยางที่เสริมแรงด้วยขดลวดโลหะหรือเรซิน เพื่อป้องกันท่อยางยุบตัว ท่อยางที่มีโครงสร้างเสริมแรงด้วยขดลวดจะคงรูปทรงได้อย่างยอดเยี่ยม และเหมาะอย่างยิ่งกับการเดินท่อในพื้นที่แคบหรืองานที่ต้องมีการดัดงอวัสดุ

สายยางอ่อนเสริมเส้นใยทนแรงดันจะเหมาะสมกว่า หากใช้งานกับแรงดันบวก  การใช้สายยางแบบนี้จะช่วยลดโอกาสที่สายยางจะขยายตัวเมื่อเจอแรงดันได้